ป้อมไพรีพินาศ ถือเป็นสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ที่มีมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เชื่อมโยงมาถึงช่วงที่จันทบุรีได้รับอิสรภาพจากฝรั่งเศส หลังจากที่ถูกยึดไว้เป็นเมืองตัวประกันนานถึง 11 ปี สามารถแวะชมสถานที่จริงของป้อมปืนเมื่อ 120 กว่าปีก่อน และร่วมมองผ่านอดีตเมืองจันทบุรี ณ เจดีย์อิสรภาพ รวมถึงสามารถแวะจุดชมวิว และชมอ่าวกระทิงในบริเวณใกล้กัน
ป้อมไพรีพินาศ ตั้งอยู่บนเขาแหลมสิงห์ หมู่ 1 ตำบลบางกะไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี หากใช้เส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิศ ก็จะผ่านทางขึ้นเขาแหลมสิงห์
ป้อมไพรีพินาศ เป็นป้อมปืนที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ.2377 เนื่องจากขณะนั้นสยามประเทศเพิ่งผ่านพ้นช่วงเกิดเหตุกรณีพิพาทกับญวน* พระองค์ทรงเกรงว่าเมืองจันทบุรีอาจไม่ปลอดภัยจากญวน ที่อาจเข้าโจมตีมาทางฝั่งทะเลตะวันออก จึงรับสั่งให้เมืองจันทบุรี เตรียมการตั้งรับศึกญวน โปรดฯ ให้สร้างค่ายเนินวงขึ้นที่บ้านเนินวง ตำบลบางกะจะ และทรงรับสั่งให้พระยาอภัยพิพิธ (กระต่าย บุญนาค) เป็นแม่กอง ดูแลการสร้างป้อมปืนขึ้น 2 ป้อม ในบริเวณแหลมสิงห์ เพื่อให้เห็นข้าศึกที่จะเข้ามาทางทะเลได้ชัดเจน ปัอมทั้ง 2 นี้ได้แก่
1. ป้อมไพรีพินาศ
สร้างขึ้นบริเวณปากแม่น้ำ อยู่บนเขาแหลมสิงห์ ซึ่งเป็นเขาขนาดเล็ก ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 172 เมตร บริเวณหินชายฝั่ง ที่มีลักษณะคล้ายกับสิงโตหมอบ (จึงเรียกว่า "แหลมสิงห์") บนเขาแหลมสิงห์เป็นทำเลที่เหมาะกับการตั้งป้อมปืน สามารถมองเห็นข้าศึกที่เข้ามาทางทะเลได้แต่ไกล
ป้อมไพรีพินาศ มี 3 ชั้น คือชั้นบน ชั้นกลาง และชั้นล่าง มีการก่อสร้างลักษณะเป็นปีกกา โดยใช้การถมดินเป็นใบเสมาป้อมอันใหญ่ เรียงติดต่อกันไปเหมือนปีกกา โอบเขาทั้งสอง ตัวป้อมเป็นแบบก่ออิฐถือปูน กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร ผนังหนา 60 เซ็นติเมตร ใกล้กันมีคลังกระสุนดินดำ ก่อด้วยปูน ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2.8 เมตร
ปัจจุบันบริเวณป้อมปืนได้มีการปรับภูมิทัศน์ มีกระบอกปืนใหญ่ 2 กระบอก วางให้เห็นว่าเคยเป็นจุดที่เป็นป้อมปืน และมีห้องเก็บกระสุนดินดำที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยให้เห็นอยู่
2. ป้อมพิฆาตปัจจามิตร
เดิมชื่อป้อมพิฆาฏข้าศึก สร้างขึ้นพร้อมกันกับป้อมไพรีพินาศ อยู่บริเวณปากแม่นำ้จันทบุรี ทางฝั่งตะวันออก (ฝั่งตรงข้ามกันกับป้อมไพรีพินาศ) ปัจจุบันป้อมนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว เพราะในช่วงที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดเมืองจันทบุรี** ได้รื้อป้อมแล้วนำอิฐมาสร้างเป็นตึกแดงทับตรงที่เคยเป็นป้อมพิฆาตปัจจามิตรนั่นเอง
เมื่อครั้งที่สร้างป้อมปืนทั้งสองขึ้น ยังไม่ได้มีชื่อเรียก จนกระทั่งในปี พ.ศ.2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ครั้งยังทรงผนวชเป็น พระวชิรญาณเถระ ทรงเสด็จประพาสจันทบุรี เมื่อทรงทราบว่าป้อมทั้งสองยังไม่มีชื่อ จึงพระราชทานนามให้ป้อมที่อยู่ตรงเขาแหลมสิงห์ว่า "ป้อมไพรีพินาศ" และป้อมตรงปากน้ำแหลมสิงห์ ชื่อว่า "ป้อมพิฆาฏข้าศึก"
ปัจจุบัน ยังคงเหลือเพียงป้อมไพรีพินาศ ที่ได้รับการปรับปรุงพื้นที่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน โดยกรมศิลปากร
** ในช่วงปี พ.ศ. 2436 - 2447 ประเทศไทยตกอยู่ในวิกฤตการณ์ที่เรียกว่า "วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112" ในยุคล่าอาณานิคมจากประเทศตะวันตก อยู่ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสได้ครอบครองเวียดนาม แล้วต้องการเรียกร้องเอาดินแดนฝั่งซ้ายของลำน้ำโขงด้วย แต่ไทยไม่ยอม ฝรั่งเศสเองก็ไม่ยอม ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงเกิดการบาดหมางบานปลาย จนฝรั่งเศสได้นำเรือรบรุกล้ำเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา และเกิดสู้รบกันขึ้น จากนั้นฝรั่งเศสได้ขอทำสัญญาสงบศึกกับไทย โดยมีข้อตกลง ให้ไทยได้ยกดินแดนบางส่วนให้กับฝรั่งเศส เสียเงินค่าปรับ และในระหว่างการเซ็นสัญญา ฝรั่งเศสได้ยึดเมืองจันทบุรีได้เป็นเมืองตัวประกัน
เส้นทางขึ้นไปยังบริเวณป้อมไพรีพินาศ และจุดอื่นๆ บริเวณใกล้เคียง ยังคงเป็นเส้นทางธรรมชาติ มีต้นไม้มากมาย ร่มครึ้ม บริเวณนี้อาจยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ห้องน้ำ ร้านค้า ร้านอาหาร อาจยังมีไม่พร้อม
เมื่อทหารฝรั่งเศสถอนกำลังทหารออกไปหมดแล้ว มีการแต่งตั้ง พระพิพิธ ไสยสุนทรการ ที่เป็นชาวเมืองจันทบุรีโดยกำเนิด ได้ไปเป็นผู้ว่าราชการเมืองตราด ท่านได้กลับมารวบรวมชาวเมืองจันทบุรี ชาวตำบลบางกะจะ ชาวแหลมสิงห์ สร้างองค์พระเจดีย์ เพื่อเป็นการฉลองการคืนดินแดน เรียกว่า "เจดีย์ฉลองการคืนดินแดน" แต่นิยมเรียกว่า "เจดีย์อิสรภาพ" ในขณะนั้นเอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้พระยาศรีสหเทพ ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย จัดการทำพิธีฉลองการคืนดินแดนเมืองจันทบุรี ณ บริเวณศาลากลางมณฑลจันทบุรี (ศาลากลางหลังเดิม) พิธีมีการตั้งเสาธงสูง 13 วา บนกลางป้อม การแสดงมหรสพในตอนกลางคืน มีพระสงค์มาสวดเพื่อความเป็นมงคล ร่วมกันดื่มถวายพระพร
เจดีย์อิสรภาพ เป็นเจดีย์ทรงกลมแบบลังกาขนาดย่อม มีกำแพงแก้วล้อมรอบ และบันไดทางขึ้นไปยังองค์เจดีย์ สร้างอยู่ในบริเวณป้อมไพรีพินาศ เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน เฉลิมฉลองการได้ดินแดนจันทบุรีคืนมาจากฝรั่งเศส ภายหลังกรมศิลปากรได้มาทำการบูรณะซ่อมแซม โดยทำเจดีย์ใหม่ครอบ ทาสีขาวทับ และในทุกวันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการทำบุญ เลี้ยงพระ จัดงานเฉลิมฉลอง เพื่อระลึกถึงวันแห่งการได้รับอิสรภาพของจังหวัดจันทบุรี
- แหลมสิบญวน
เป็นจุดชมวิวบนเขาแหลมสิงห์ อยู่ห่างจากป้อมไพรีพินาศ ประมาร 200 เมตร เป็นจุดที่มองเห็นวิวมุมสูง สามารถมองเห็นปากแม่น้ำ และสะพานตากสินมหาราช
- ประภาคารแหลมสิงห์
ประภาคาร อยู่ห่างจากป้อมไพรีพินาศไปอีกประมาณ 400 เมตร เป็นประภาคารที่สร้างขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 ปี พ.ศ.2419 ประภาคารสูง 12 วา มีบันไดเหล็กขึ้นไปชั้นบน ตรงชั้นบน มีหลังคาเป็น 6 เหลี่ยม มีโคมไฟ ฝาชั้นนอกของโคมไฟทำด้วย กระจกบานใหญ่ รูปลักษณะ 6 เหลี่ยม ตัวโคมข้างในเป็นรูปกลม ภายในโคมแก้วมีไส้กลม 2 ชั้น เวลาจุดไฟจะต้องคอยเช็ดกระจกชั่วโมงละครั้ง เพื่อรักษาโคมไฟ สมัยก่อน ต้องจ้างชาวตะวันตกมาเป็นผู้ดูแลในแต่ละปี ซึ่งเก็บเงินจากเรือที่ผ่านไปมา ปัจจุบัน ประภาคารอยู่ในการดูแลของกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ ได้รับการซ่อมแซม ปรับปรุงและเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทน
- จุดชมวิวที่สวยที่สุดในแหลมสิงห์
เป็นจุดชมวิวจากบนยอดเขาแหลมสิงห์ ห่างจากป้อมไพรีพินาศไปอีกประมาณ 400 เมตร สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไกล ทั้งทางฝั่งทะเลอ่าวไทย และจากทางปากแม่น้ำจันทบุรี
- สิงโตหิน
ห่างจากป้อมไพรีพินาศไปอีกประมาณ 430 เมตร ถือเป็นต้นกำเนิดของชื่อ "แหลมสิงห์" เป็นจุดที่มองลงไปยังหน้าผาริมชายฝั่ง ที่มีหินลักษณะเหมือนสิงโตนอนหมอบ หันหน้าไปทางทะเล
- ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ตั้งอยู่บริเวณริมชายหาด หน้าที่ทำการ ประภาคารแหลมสิงห์ อยู่ในการดูแลของกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ
- อ่าวกระทิง
เป็นอ่าวเล็กๆ เงียบสงบ อยู่ในความดูแลของวนอุทยานเขาแหลมสิงห์ อยู่ห่างจากบริเวณป้อมไพรีพินาศไปประมาณ 1 กิโลเมตร (สามารถขับรถเข้าไปใกล้อ่าว แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร) จึงจะถึงอ่าวกระทิง
เส้นทางไปยังแหลมสิงห์ ที่สะดวกมี 2 เส้นทาง คือใช้ถนนเส้นสุขุมวิท หรือถนนเฉลิมบูรพาชลทิต สามารถใช้เส้นทางสายในตัดตรง จากตัวเมืองถึงแหลมสิงห์ก็ได้ แต่เส้นทางอาจสับสน และไม่มีป้ายบอกทาง
จากถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
(แนะนำเส้นทางนี้ เพราะจะมีจุดแวะชมที่เที่ยวหลายแห่ง)
1 | หากใช้เส้นทางเลียบทะเล ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต จากวงเวียนพยูนเล่นน้ำ ให้เลี้ยวมาทางหาดเจ้าหลาว |
2 | จากนั้นให้ตรงไปตามเส้นทางหลักเรื่อยๆ จะข้ามสะพานเฉลิมพระเกียรติไป |
3 | จากนั้นตรงต่อไปเรื่อยๆ จนถึงสามแยกปากน้ำจันทบุรี (แยกซ้ายไปสะพานตากสินมหาราช) แยกนี้ให้ตรงไป |
4 | ตรงจากแยกมาไม่ไกลมาก (ประมาณ 1 กิโลเมตร) จะเห็นป้ายบอกทางเลี้ยวซ้าย ให้เลี้ยวซ้ายไป |
5 | พอเลี้ยวมาแล้ว ตรงไปหน่อยจะเจอจุดจอดรถ (เล็ก ๆ) เพื่อขึ้นป้อมไพรีพินาศ จะต้องเดินขึ้นไปยังป้อมอีกประมาณ 100 เมตร |
จากถนนสุขุมวิท
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ไปทางจังหวัดตราด |
2 | ตรงตามเส้นสุขุมวิท จนกระทั่งผ่านทางเข้าน้ำตกพลิ้วไปประมาณ 500 เมตร จึงมีทางแยกขวาไปยังแหลมสิงห์ |
3 | เลี้ยวขวาไปทางแหลมสิงห์ (เส้น 3149) แล้วตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 15 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไป อ.ท่าใหม่ แหลมเสด็จ ให้เลี้ยวขวา (ตรงสามแยกวัดปากน้ำ) |
4 | เลี้ยวแล้วตรงไปหน่อย ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายถนนเฉลิมบูรพาชลทิต เพื่อข้ามสะพานตากสินมหาราช |
5 | เมื่อลงจากสะพาน เลี้ยวซ้ายตรงเชิงสะพาน (มีป้ายบอกทางไปป้อมไพรีพินาศ) |
6 | เลี้ยวแล้วตรงไปอีกประมาณ 600 เมตร จะเห็นป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง จากนั้นตรงไปจนสุดทาง และจะต้องเดินขึ้นไปยังป้อมอีกประมาณ 100 เมตร |
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ที่ว่าการอำเภอแหลมสิงห์
ที่อยู่ ตำบลบางกะไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 22120
ติดต่อ 039-399-245
ป้อมไพรีพินาศ และที่ท่องเที่ยวบริเวณเขาแหลมสิงห์
ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมสถานที่