ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นถนนเก่าที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน ศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่มาความเป็นมานานมากกว่า 300 ปี เป็นชุมชนที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุด มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด โดยมีการพยายามอนุรักษ์ไว้ให้อยู่ในสภาพเดิม เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่เหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีต โดยยังคงกลิ่นไอของบ้านเรือนแบบดั้งเดิม เหมาะกับการเดินเที่ยวชมตึกรามบ้านช่อง แวะถ่ายรูปสถานที่สวยๆ บ้านเก่า วัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบเดิมๆ ชิมของกินพื้นถิ่น แล้วแวะถ่ายรูปในมุมต่างๆ แบบย้อนยุค
ชุมชนโบราณริมน้ำจันทบูร อยู่บนถนนสุขาภิบาล มีเส้นทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่หัวถนนสุขาภิบาล หรือตรงเชิงสะพานวัดจันทร์ ตรงตามถนนขนานกับแม่น้ำจันทบุรี จากย่านท่าหลวง ไปจนถึงชุมชนตลาดล่าง
ชุมชนริมน้ำจันทบูร หรือที่เรียกกันว่า "ย่านท่าหลวง" แต่เดิมเรียกว่าเป็นแถบ "บ้านลุ่ม" อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี* ในอดีตถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญ ตั้งแต่ช่วงสมัยของพระนารายณ์มหาราช มาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินถนนเส้นนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450 ในช่วงเวลานั้น จังหวัดจันทบุรีถือเป็นหัวเมืองตะวันออกที่เป็นศูนย์กลางการค้า มีการติดต่อค้าขายกับชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นเมืองท่าสำคัญในการลำเลียง ขนส่งสินค้า โดยพ่อค้าจากอำเภออื่นนำสินค้าในป่ามาขาย เช่น ฟืน เก็บรง (ยางไม้ชนิดหนึ่ง) กระวาน ขี้ผึ้ง ไม้กฤษณา ผลไม้ แล้วหาซื้อสินค้าจำเป็นจากเมืองจันทบุรีกลับไป
บริเวณนี้ ยังเป็นย่านการคมนาคมที่คึกคัก เป็นชุมทางเรือที่ไปยังจุดต่างๆ เช่นน้ำรัก ตะเคียนทอง คลองพลู แหลมสิงห์ ขลุง มีเรือโดยสาร อู่ต่อเรือสำเภา เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า ผู้คนประกอบอาชีพขายของป่า ทำการค้า ทำประมง ทำพลอย ตีเหล็ก ทอเสื่อ ทำอาหารและขนมต่างๆ คนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนจีน ทั้งที่มาทำการค้า และเป็นผู้มาบุกเบิกตั้งรกราก ซึ่งมีทั้งจีนฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว จีนแคะ กวางตุ้ง และไหหลำ ในย่านนี้จึงประกอบด้วยคนไทย จีน และญวน มีการนับถือศาสนาพุทธ และคริสต์
ผู้คนในถนนเส้นเศรษฐกิจนี้ จึงมีความหลากหลาย มีหน่วยงานราชการ นักธุรกิจ พ่อค้า คหบดี และบ้านเรือนผู้คนที่มาตั้งรกราก ทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมแบบผสมผสาน จากตะวันตก ไทย จีน และชาวญวน รวมถึงการสร้างบ้านเรือน และศิลปทางสถาปัตยกรรม ก็ได้รับการผสมผสานกันอย่างกลมกลืน
ในสมัยพระนารายณ์มหาราช เมืองจันทบุรี ได้ย้ายจากฝั่งตะวันออกที่ บ้านหัววัง ตำบลพุงทะลาย มายังฝั่งตะวันตก ทำให้เมืองมีความเจริญขึ้นมาก
โดยทั่วไปแล้ว เรามักจะเห็นวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำในแถบภาคกลาง มีการติดต่อค้าขาย และการปลูกสร้างบ้านเรือน หันหน้าเข้าหาแม่น้ำ ลำคลอง และทำการซื้อขายกันริมน้ำ และบนเรือ ในลักษณะของ "ตลาดน้ำ" ที่เราเห็นกันตามตลาดน้ำทั่วๆ ไป เช่น ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำดำเนินสะดวก แต่สำหรับการค้าขายของชุมชนดั้งเดิมทางภาคตะวันออกนั้นจะแตกต่างออกไป แม้ว่าสินค้าต่างๆ จะถูกลำเลียงมาทางน้ำ แต่ก็นำขึ้นจากท่ามาค้าขายกันบนบก บ้านเรือนของชุมชนริมน้ำในจันทบุรี จึงเป็นบ้านเรือนที่หันหลังให้กับแม่นำ้สายหลัก และหันหน้าเข้าหาถนนที่ขนานกับลำน้ำ โดยมีบ้านเรือนตั้งขนาบถนน ซึ่งก็คือ "ถนนสุขาภิบาล" ที่เป็นถนนเส้นแรกของจังหวัดจันทบุรี และเป็นถนนเศรษฐกิจการค้าหลัก มีท่าเรือขึ้นสินค้า มีท่าเรือคมนาคม เป็นเหมือนจุดหลักที่ผู้คนต่างมาพบปะแลกเปลี่ยนกัน
รูปแบบการอนุรักษ์ชุมชน เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2553 มีคุณประภาพรรณ ฉัตรมาลัย เป็นประธานกลุ่ม "ชมรมพัฒนาชุมชนริมน้ำจันทบูร" โดยใช้ศูนย์กลางที่ บ้านเลขที่ 69 บนถนนสุขาภิบาล และได้จัดตั้งให้เป็น “บ้านเรียนรู้ชุมชนริมน้ำจันทบูร” เพื่อใช้ในการฟื้นฟูชุมชน ตามวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับชีวิตชุมชนเดิมมากที่สุด
โครงการชุมชนริมน้ำจันทบูร มี อ.ธิป ศรีสกุลไชยรัก เป็นผู้จัดการโครงการ เป็นโครงการกิจการสังคมเพื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม และฟื้นฟูย่านประวัติศาสตร์ โดยร่วมกับอาศรมศิลป์ ในลักษณะ Social Enterprise คือมีรูปแบบการดำเนินงานในเชิงธุรกิจ แต่เป้าหมายหลักเพื่อสังคมเป็นหลัก รายได้กลับเข้าสู่ชุมชน
ชุมชนริมน้ำจันทบูร ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบที่เรียกว่า "วัฒนธรรมนำการค้า" ที่เน้นการอนุรักษ์ด้านวัฒนธรรม ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แบบเห็นวิถีชีวิตชุมชนคนพื้นถิ่นในรูปแบบเดิม ได้เห็นเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมแบบเก่าแก่ของแท้ โดยพยายามให้สิ่งแปลกใหม่เข้าไปน้อยที่สุด ตัวบ้านหรืออาคารเก่า เพียงแค่ถูกปัดฝุ่น ซ่อมแซม ปรับปรุง ทาสีให้ดูใหม่ในกลิ่นอายของต้นฉบับเดิม ไม่ได้ดัดแปลง หรือแปรสภาพ คนในชุมชนยังคงเป็นคนในพื้นที่ เป็นเจ้าของบ้านเดิมที่ยังคงทำการค้ากันมาตั้งแต่ครั้งอดีต เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ เป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าชมความสวยงามในอดีต ได้พูดคุยกับผู้ที่มาเยี่ยมเยือน ยินดีให้ถ่ายรูป และเปิดใจให้เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตแบบย้อนยุคของแท้
(ข้อมูลบางส่วนจาก http://www.sac.or.th/)
1.ชมสถาปัตยกรรมใน 3 ย่าน
ความโดดเด่นของในชุมชนริมน้ำจันทบูร คือเป็นเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ สำหรับการเรียนรู้ด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะที่คงอยู่มีการผสมผสานที่ลงตัว ของแต่ละยุคสมัย และแต่ละเชื้อชาติ ทำให้ได้เห็นวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรม ตั้งแต่ช่วง 200 ปี 150 ปี 100 ปี มาจนถึงช่วงปัจจุบัน บนถนนเส้นนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ย่าน คือ ย่านท่าหลวง ย่านตลาดกลาง และย่านตลาดล่าง
- ย่านท่าหลวง
คือจากบริเวณเชิงสะพานวัดจันทร์ในช่วงต้นๆ ซอย เดิมเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัย และทำธุรกิจ
- ย่านตลาดกลาง
เป็นย่านที่เริ่มเห็นเป็นอาคารพาณิชย์ และตึกสูง ย่านนี้เดิมเป็นศูนย์กลางการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า มีท่าเรือสำหรับการคมนาคม และขนส่งสินค้า เคยเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2533 ได้มีการปลูกสร้างอาคารใหม่ จึงไม่ค่อยมีอาคารเก่าให้เห็นมากนัก
- ย่านตลาดล่าง
เดิมเคยเป็นย่านที่อยู่อาศัย ลักษณะบ้านเรือนจึงแตกต่างกันไป ตามฐานะของเจ้าของบ้าน บ้านของคหบดี มีการตกแต่งบานประตูหน้าต่าง และช่องลม ด้วยไม้ฉลุลวดลายที่ดูอ่อนช้อย จะได้เห็นบ้านในลักษณะเรือนขนมปังขิง* บ้างก็เป็นแบบโคโลเนียล** และชิโนโปรตุกีส
** รูปแบบโคโลเนียล (Colonial Style) หรืออาจเรียกว่าเป็นสถาปัตยกรรมอาณานิคม คือรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ทำให้เกิดการผสมผสานทางสถาปัตยกรรม รูปแบบโคโลเนียลเข้ามามีอิทธิพลในช่วงรัชกาลที่ 5-6 ซึ่งเรือนขนมปังขิง ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลด้วยเช่นกัน
*** ชิโนโปตุกีส เป็นลักษณะอาคารที่เป็นตึกแถว เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโปรตุเกส และจีน
2.รู้อดีตของบ้านผ่านเรื่องราว
อาคารบ้านเรือนแต่ละหลังตั้งแต่ย่านท่าหลวง ถึงตลาดล่าง ต่างก็มีประวัติความเป็นมา และเรื่องราวที่น่าสนใจ เวลาเดินเที่ยวจึงมักมีป้ายนำชม เล่าเรื่อง บอกเรื่องราวของบ้านแต่ละหลังให้ได้รู้จักชุมชนมากขึ้น บ้านที่แนะนำให้ได้ชม เช่น
บ้านคุณตาจรรยา
บ้านเลขที่ 273 อยู่บริเวณย่านท่าหลวง เป็นของคุณตาจรรยา วานิชกุล ผู้ที่มีความรู้เรื่องของชุมชนเยอะ เป็นผู้ช่วยถ่ายทอดประวัติของถนนเส้นนี้ได้อย่างดี มีความน่าสนใจตรงที่ภายในบ้านจะมีป้ายศาลสถิตของเทพเจ้าประจำบ้าน ซึ่งมีอยู่คู่บ้านมานานกว่า 100 ปี บรรพบุรุษของคุณตาจรรยา เป็นชาวจีนแคะ อพยพมาอยู่ในเมืองจันทบุรี และมีภรรยาเป็นคนมาบไพล อากงของคุณตาจรรยา เป็นช่างทอง ส่วนคุณยายมีความชำนาญในการทำพลอย ภายหลังคุณตาได้รับราชการทหาร มีอาชีพเป็นพนักงานจ่ายยา ขายของชำ กาแฟ ทำสวน และเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาเทศมนตรี 4 สมัยติดกัน
ลักษณะบ้านของคุณตาจรรยา เป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นการปลูกเรือนไม้โดยใช้การเรียงไม้ตามแนวตั้ง ช่องลมส่วนที่อยู่ติดกับหลังคา เป็นไม้ฉลุลวดลายสวยงาม
ที่อยู่ 273 ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
บ้านฉั่วเซ้งฮวด
บ้านเลขที่ 267 อยู่ในย่านท่าหลวง มีอายุราว 100 ปี บ้านหลังนี้แต่เดิมเป็นบ้านเช่าของหลวงราชไมตรี ปัจจุบันเจ้าของบ้านคือ นายเซ่งซัว แซ่ฉั่ว ชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 โดยมาอยู่ที่หมู่บ้านเกาะเปริด อำเภอแหลมสิงห์ กับบิดา มารดา ตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบ อาชีพทำโป๊ะ ตอนอายุได้ 8 ปี ได้ย้ายเข้ามาอยู่กับญาติในเมือง เข้าโรงเรียนแต้จิ๋ว "นั่มฮั้วฮักเหา" จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงเรียนปิดกิจการ จึงได้กลับมาอยู่ที่เกาะเปริดตามเดิม
ในปี พ.ศ. 2493 ได้พาครอบครัวมาอยู่ในเมืองอีกครั้ง โดยเช่าบ้านย่านท่าหลวง ทำอาชีพรับซื้อแผ่นยางพารา ของป่า และสมุนไพร เช่น เร่ว กระวาน ลูกสำรอง น้ำมันยาง ต่อมาได้ขอซื้อบ้านหลังนี้จากบุตรของหลวงราชไมตรีผู้ได้รับมรดกตกทอด และอยู่อาศัยทำมาค้าขายมาจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะของบ้านฉั่วเซ้งฮวด เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน มีลักษณะเป็นตึก 2 ชั้น 4 ประตู ผนังที่ก่อด้วยอิฐโบราณขนาดใหญ่ภายในแบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนหน้าทำการค้าขาย ตอนกลางเป็นที่สำหรับซักล้าง มีบ่อน้ำ และตอนหลังเป็นครัว ลักษณะภายในบ้าน ยังคงมีข้าวของเครื่องใช้ในรูปแบบเดิมๆ เช่น เตียงไม้ โต๊ะวางของ เครื่องชั่งขนาดใหญ่ เป็นต้น บ้านหลังนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เช่น ละครเรื่องไฟอมตะ เรื่องบุญผ่อง และถ่ายโฆษณาอีกหลายชิ้น
ที่อยู่ 267 ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
บ้านหลวงราชไมตรี
บ้านเลขที่ 252 บนถนนสุขาภิบาล ตั้งอยู่ใกล้หัวถนนท่าหลวง เป็นบ้านอายุราว 150 ปี
บ้านของท่านหลวงราชไมตรี* มีบ้านมีอยู่ 2 หลัง หลังหนึ่งเป็นบ้านเลขที่ 252 เป็นบ้านไม้สักทอง 2 ชั้น ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทย ส่วนอีกหลังอยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นบ้านตึก เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่ง
บ้านหลวงราชไมตรี ส่วนที่เป็นเรือนไม้ อยู่ติดริมน้ำจันทบุรี ปัจจุบันได้ปรับปรุง เปิดให้เป็นบ้านพักเมื่อปลายปี พ.ศ. 2557 โดยเปิดเป็นบ้านพักประวัติศาสตร์ ลักษณะบูทิคโฮเทล ที่ใช้บ้านเก่าแก่ มาปรับแต่งให้เป็นห้องพัก ทั้งหมด 12 ห้อง แต่ละห้องมีชื่อ และมีเรื่องเล่าในเชิงประวัติศาสตร์ เช่น
- ห้องเอเชียตีค ให้ความรู้สึกแบบกลิ่นอายตะวันตก
- ห้องนายพ่อนายแม่ เป็นห้องที่มีบันทึกคำสอนของหลวงราชไมตรี ที่ให้ไว้กับลูกหลาน
- ห้องวิถีจันท์ เป็นห้องพักที่ได้เห็นถนนสุขาภิบาลที่อยู่ด้านหน้าบ้าน ได้เห็นวิถีชีวิตชุมชน
- ห้องลูกยาง เป็นห้องที่ให้เห็นถึงที่มาของการปลูกยางพารา ในเมืองจันทบุรี ซึ่งหลวงราชไมตรี เป็นผู้นำเข้ามาปลูก
นอกจากนี้ยังมีห้องพักแบบอื่นๆ ที่ตกแต่งด้วยไม้ ทำให้ดูขรึม คลาสสิก ด้านหลังบ้านมีระเบียงให้ได้นั่งชมวิวริมแม่น้ำจันทบุรีด้วย ในส่วนอื่นๆ ของตัวบ้าน นอกจากจะได้ชมความสวยงามของเรือนไม้แล้ว ยังมีของใช้ส่วนตัวของท่านหลวงราช นำมาตั้งโชว์ตามจุดต่างๆ เช่นถ้วยชาม เครื่องคิดเลข เป็นต้น ทำให้รู้สึกเหมือนได้พักอยู่ในบ้านที่อบอุ่น พร้อมทั้งชมพิพิธภัณฑ์ไปด้วย
หลวงราชไมตรี เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในจันทบุรี ในยุคนั้น เป็นผู้ที่มีรถยนต์คันแรก และมอเตอร์ไซค์คันแรกด้วย นอกจากนี้ท่านยังได้รับการเชิดชูให้เป็น "บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก" เพราะในปี พ.ศ. 2451 ท่านได้เดินทางไปยังจังหวัดภูเก็ต และเห็นว่าจังหวัดจันทบุรี มีลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศคล้ายกับภาคใต้ จึงนำพันธุ์ยางมาปลูกไว้ในสวนตนเองที่บริเวณเชิงเขาสระบาป จังหวัดจันทบุรี จากนั้นจึงมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา
หลวงราชไมตรี ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2499 รวมอายุ 80 ปี
(ข้อมูลจากเว็บไซต์ บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี)
เวลาทำการ
ทุกวัน 9.00 - 20.00 น.
บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี
ที่อยู่ 252 ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
ติดต่อ 039-322-037, 088-843-4516
เว็บไซต์ http://www.baanluangrajamaitri.com/en/
เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/baanluangrajamaitri
ข้อมูลเพิ่มเติม
รีวิวบ้านหลวงราชไมตรี http://pantip.com/topic/33298987
ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย
ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย ตั้งอยู่บนเนินริมถนนสุขาภิบาล หันหน้าไปทางแม่น้ำจันทบุรี เป็นศาลที่เป็นที่เคารพสักการะของเทพเจ้าชาวไทยเชื้อสายจีน และผู้คนในจังหวัดจันทบุรีมาช้านาน ใกล้กันมีศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม
ภายในศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ยมีเทพที่เป็นที่เคารพศรัทธาอยู่ 3 องค์ ได้แก่
- องค์ตั้วเล่าเอี๊ย* (เจ้าพ่อเสือ) เป็นเทพแห่งทรัพย์ กราบไหว้เพื่อเสริมบารมี มั่งมี โชคลาภ
- องค์ฮกเต็กเล่าเอี๊ย (พระภูมิเจ้าที่) เป็นเทพที่ช่วยปกป้อง คุ้มครอง ให้ปลอดภัย โชคดี
- องค์ไชซิงเล่าเอี๊ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ให้โชคลาภ รับทรัพย์ไม่ขาดมือ ให้ร่ำรวย มั่งมี
บ้านหมอชาญ
เดิมเป็นบ้านผู้พิพากษา มีลูกเขยเป็นหมอทหารและมาเปิดเป็นร้านแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งแต่ก่อนมีแค่ร้านเดียวในระแวกนี้ คนนิยมเรียกว่า "หมอชาญ"
ลักษณะบ้าน เป็นแบบครึ่งปูนครึ่งไม้ ชั้นล่างเป็นปูน แบ่งออกเป็น 5 ประตู โดยมีลายเสาโรมัน ทำเป็นลายนูนสูง ประดับกั้นแต่ละประตู เหนือประตูทำเป็นลายแนวโค้ง ชั้นบนเป็นไม้ มีหน้าต่างแบบเปิดพับออก 2 ข้าง 5 บาน ด้านบนมีช่องลมตาตาราง
ร้านขายยาจังกวงอัน
ร้านขายยาจังกวงอัน เป็นร้านขายยาจีน และยาไทยแบบโบราณร้านแรกๆ ของจังหวัดจันทบุรี มีอายุนานกว่า 100 ปี ปัจจุบันอาม่าปุ๋ย หรือประไพพรรณ จันทศาศวัต วัย 84 ปี เป็นผู้สืบทอดกิจการต่อจากบิดา
ร้านขายยาจังกวงอัน เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว ด้านหน้าเป็นประตูบานเฟี้ยมแบบเปิดพับไปด้านข้าง ภายในร้านมีเคาเตอร์ไม้เข้ามุมโค้ง และมีลิ้นชักใส่ยาแบบติดผนัง ที่สั่งทำและส่งตรงทางเรือมาจากเมืองจีน ที่สะดุดตาคือ หน้าลิ้นชักแต่ละช่องมีชื่อภาษาจีนกำกับชื่อยาที่เก็บไว้ ภายในร้านยังคงขายยาตามใบสั่งยาจีนอยู่ และยังใช้วิธีห่อกระดาษเหมือนเดิม ภายในร้านมีอุปกรณ์โบราณต่างๆ เช่นเครื่องชั่งยาโบราณ ที่ทำจากทองเหลือง ทำเป็นเหมือนตาชั่งที่ใช้ระดับสมดุล 2 ข้าง นอกจากนี้ยังมีมีดหั่นยา ที่เห็นได้ยากในปัจจุบัน
ร้านขายยาเปิดให้เข้าไปชม และพูดคุยถามไถ่ได้ หรือใครอยากซื้อส่วนผสมของก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง ก็มีขาย
ที่อยู่ ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
ติดต่อ 039-311-089
โรงเจเทียงเซ็งตึ้ง
โรงเจเทียงเซ็งตึ้ง เดิมชื่อเป็กแซตึ้ง เป็นโรงเจเก่าแก่ มีอายุกว่า 100 ปี เคยเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับชาวจีนที่เดินทางมาค้าขาย และไม่มีบ้าน หรือที่พัก ด้านในโรงเจแบ่งออกเป็น 3 ตอน ช่วงด้านหน้าเพียงพอสำห้บเป็นที่ที่ให้ชาวจีนมาพัก ช่วงกลางทำเป็นลาน มีเตาเผากระดาษ ส่วนด้านหลังเป็นศาสนสถาน มีแท่นบูชา องค์เจ้าแม่กวนอิมแบบจีน ที่ยังคงไว้ในสภาพเดิมๆ นอกจากนี้ยังมีใบเซียมซีเก่าที่เป็นภาษาจีน ยังคงเก็บรักษาไว้ให้เห็นด้วย
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของโรงเจ มีความโดดเด่น งดงาม และยังคงความสมบูรณ์ ลักษณะเป็นแบบเรือนแถวติดกัน 3 ห้อง ชั้นบนเป็นไม้ ด้านหน้าบ้านมีประตูไม้แบบบานเฟี้ยม เหนือประตูมีช่องลมที่มีงานฉลุไม้เป็นลายดอกเถาสวยงามอ่อนช้อย
ชั้นบนมีระเบียงหันออกถนน ประตูมีลักษณะเหมือนบานเฟี้ยมเรียงต่อกันตลอดแนว แต่ละช่องประตูเป็นงานฉลุไม้สวยงาม ช่องลมแต่งด้วยลายไม้ฉลุ มีคันทวยเป็นเหล็กเส้นบางๆ ด้วยการตกแต่งด้วยลายฉลุมากมาย จึงมีลักษณะเหมือนเรือนขนมปังขิงตามแบบยุโรป
บ้านโภคบาล
บ้านเลขที่ 89 บนถนนสุขาภิบาล อยู่บริเวณตลาดล่าง มีอายุนานกว่า 100 ปี
"บ้านโภคบาล" เป็นบ้านไม้ตะเคียนทั้งหลัง ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบผสม แบ่งเป็น 3 เรือน สภาพบ้านยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ในแบบเดิม มีการปรับปรุงเพียงบางส่วน เช่น เปลี่ยนพื้นบ้าน ทาสี ปรับสภาพพื้นที่ใช้สอย เป็นต้น
บ้านโภคบาล ในอดีตอยู่ในการปกครอง การดูแลของคุณย่าทวด ถิน โภคบาล ที่ผ่านช่วงวัยมาถึง 5 รัชกาล (พ.ศ. 2419 - 2517) ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 - 9
บ้านโภคบาล เดิมค้าขายผ้า และเครื่องนุ่งห่มจากกรุงเทพฯ โดยขนส่งผ่านเรือเมล์มาขายที่จันทบุรี และนำของป่า สมุนไพรจากจันทบุรี ส่งไปขายกรุงเทพฯ และยังขายเสื่อที่ทอโดยชาวญวนที่อยู่บริเวณวัดโรมันคาทอลิกจันทบุรี
ในช่วงที่เมืองจันทบุรีผ่านยุคสมัยของการถูกยึดครองโดยฝรั่งเศส (พ.ศ. 2436 - 447) ร้านขายผ้าของคุณย่าทวด ถิน ได้ตกอยู่ในอาณัติของฝรั่งเศส ที่ต้องออกเอกสารรับรองว่าเป็นคนในบังคับของฝรั่งเศส บ้านโภคบาล ยังคงเก็บรักษาเอกสารต้นฉบับ ไว้เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ในช่วงหนึ่ง
ปัจจุบัน บ้านโภคบาล เปิดให้เดินเข้าไปชมภายในบ้านได้ ซึ่งยังคงมีรูปภาพเก่าของครอบครัว ของสะสมต่างๆ ถ้วยชาม ที่วางโชว์ไว้ และมีของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ และโปสการ์ด จำหน่าย
ที่อยู่ 89 ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
บ้านเรียนรู้ชุมชน
บ้านเลขที่ 69 บนถนนสุขาภิบาล ตั้งอยู่บริเวณตลาดล่าง หากมาจากตลาดพลอย หรือโบสถ์โรมันคาทอลิก จะเจอบ้านเรียนรู้ชุมชนก่อน
บ้านเรียนรู้ชุมชน เป็นเสมือนสำนักงานใหญ่ของชุมชนริมน้ำจันทบูร ที่บอกเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดของชุมชนแห่งนี้ กระบวนการเกิด "ชุมชนริมน้ำจันทบูร" รวมถึงการกำหนดทิศทางการฟื้นฟูชุมชน ภายในบ้านมีลักษณะเหมือนแกลลอรี่ภาพถ่าย มีรูปภาพเก่าเล่าเรื่องในอดีต จินตนาการผ่านภาพเขียน ภาพประกวดที่สะท้อนวันนี้ของวันวาน ส่วนชั้น 2 แสดงการเก็บข้อมูลทางสถาปัตยกรรม ที่เป็นแกลลอรี่ภาพวาดลายเส้นด้านสถาปัตยกรรมของบ้านแต่ละหลัง
บ้านเรียนรู้ชุมชน เป็นบ้านที่อายุนานกว่า 100 ปี เดิมคือบ้านของคหบดี "ขุนอนุสรสมบัติ" ตกทอดมารุ่นต่อรุ่น ปัจจุบันเจ้าของบ้านคือพ.อ.หญิงบุญพริ้ม ปฏิรูปานุสร ผู้ที่อนุญาติให้ใช้ประโยชน์สำหรับงานชุมชน รูปแบบบ้านเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ มีการผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล
สามารถเดินเข้าชมในบ้านเรียนรู้ชุมชน ได้โดยไม่เสียค่าเข้าชม สามารถชมได้ทั้งชั้นล่างและชั้นบน ถ่ายรูป และสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุมชนริมน้ำจันทบูรได้
เวลาทำการ
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.30 - 17.30 น.
ที่อยู่ 69 ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
ติดต่อ 081-945-5761
3.ชิมขนมท้องถิ่น อิ่มตลอดทาง
บนถนนชุมชนริมน้ำจันทบูร นอกจากจะได้เดินชมบ้านเรือนเก่าแล้ว ยังมีร้านที่เป็นคนในชุมชนเปิดกิจการ ให้ได้แวะชิม ตั้งแต่หัวถนน ไปจนถึงตลาดล่าง เช่น
ร้านไอศครีม ตราจรวด
บ้านเลขที่ 255/3-7 เป็นโรงงานไอศครีมตราจรวด และบ้านพักอาศัย มีอายุกว่า 100 ปี
ร้านไอศครีมตราจรวด ที่เป็นยี่ห้อเก่าแก่ของเมืองจันทบุรี เป็นร้านไอติมเจ้าแรกๆ ของจันทบุรี ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ถือเป็นเจ้าแรกที่ใช้เครื่องจักรในการทำไอศครีม
ลักษณะอาคารเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ ทรงยุโรป เหมือนเรือนแถวติดกัน 4 ห้อง เป็นอีกอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสวยงาม ชั้นล่าง มีลายฉลุไม้ประดับตรงช่องว่างส่วนโค้งเหนือกรอบประตู คันทวยก็เป็นลายฉลุรับให้สอดคล้องกัน ริมหลังคากันสาดได้ติดแถบฉลุลาย ชั้นบน ตกแต่งด้วยลายนูนสูง ทำเป็นเสาโรมันประดับ ขอบหน้าต่างก้ทำเป็นลายเสารับกับส่วนโค้งด้านบนกรอบหน้าต่าง ซึ่งถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความสมบูรณ์อยู่มาก
ในอดีตบ้านนี้เป็นของตระกูล หลวงราชไมตรี และแบ่งให้เช่า จนกระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2502 ครอบครัวของลุงแช หรือคุณปัตตโชติ กตัญญูกุล ได้มาเช่าก่อน 1 ห้อง เพื่ออยู่อาศัย จากนั้นได้ทำไอศครีมขาย และซื้อบ้านขยายจาก 1 ห้องเป็น 5 ห้อง
ด้านหน้าร้านไอศรีม มีตู้ไอศครีมเรียงรายอยู่ด้านหน้าร้าน หากต้องการซื้อ และจ่ายเงิน ให้สั่นกระดิ่งเรียกพนักงาน จะโผล่มาให้บริการทางหน้าต่าง ไอศครีมของทางร้านมีหลายแบบ แบบตัก เป็นไอศครีมรวมมิตรใส่หน้าได้ ไอศครีมแบบแท่ง เป็นแท่งๆ ละ 10 บาท ที่ทำออกมาหลากหลายรูปแบบ เช่นไอศครีมแท่งหวานเย็นรสผลไม้ต่างๆ เช่นทุเรียน สละ ไอศครีมตัด ไอศครีมกะทิ ที่มีไส้ถั่วดำ รวมมิตร ข้าวโพด ลอดช่อง ไอศครีมปั่น ไอศครีมกระติก ส่วนที่ขายดีและไม่เหมือนที่ไหนคือ "ไอศครีมกระเบื้อง" เป็นไอศครีมแท่ง ด้านในมีรสต่างๆ ด้านนอกเคลือบด้วยน้ำตาลสีชา ทำให้กรอบด้านนอก นุ่มด้านใน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ที่อยู่ 255-7 ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
ติดต่อ 039-311-216, 081-723-3600
เว็บไซต์ http://rocketicecream.yellowpages.co.th/
ร้านก๋วยจั๊บป้าไหม
ร้านป้าไหม เป็นก๋วยจั๊บโบราณ เปิดขายมานานกว่า 50 ปี น้ำแกงมีกลิ่นหอมเครื่องเทศ รสชาติเข้มข้น ร้านเปิดแต่เช้า และปิดในช่วงบ่ายๆ
เวลาเปิด
ทุกวัน 7.30 - 15.00 น.
ติดต่อ 081-421-6451
ร้านขนมไข่ป้าไต๊
บ้านเลขที่ 90 ถนนสุขาภิบาล เป็นบ้านเก่าอายุกว่า 100 ปี อยู่ในย่านตลาดล่าง ใกล้ถึงสะพานนิรมล ที่ข้ามไปยังโบสถ์โรมันคาทอลิก ในอดีตเคยเป็นโรงพิมพ์ "พานิชเจริญศรี" (เหลื่อม ศิริพงษ์) มีหลักฐานเป็นหนังสือโบราณ ระบุปีที่พิมพ์ชัดเจนใน ร.ศ. 120 (พ.ศ.2444) ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2478 "ขุนบุรพาภิผล" ได้ซึ้อไว้ จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ปัจจุบันเป็นร้านขนมไข่ป้าไต๊ ที่เปิดมานานกว่า 60 ปี เดิมใช้เตาถ่านในการทำ ตอนนี้ทำเป็นปริมาณมากขึ้น ก็เปลี่ยนเป็นการใช้เตาอบ แต่ก็ยังคงใช้สูตรขนมไข่แบบดั้งเดิม ใส่ถุงตั้งขายในราคาไม่แพง ใครเดินเที่ยวถนนริมน้ำ ก็อย่าลืมแวะอุดหนุนขนมไข่สูตรดั้งเดิมของคุณยายกันด้วย
บ้านหลังนี้เดิมมี 2 หลัง ด้านหน้าเป็นตึกแบบยุโรป ลักษณะทางสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ด้านหลังเป็นเรือนไม้ทรงไทยติดแม่น้ำจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2553 เคยโดนพายุได้รับความเสียหายส่วนของเรือนไม้ด้านหลัง
ที่อยู่ ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
ติดต่อ 084-350-8293
ก๋วยเตี๋ยวทะเลเจ๊อี๊ด
เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดมานาน อยู่ในย่านชุมชนริมน้ำจันทบูร ขายอาหารทะเลแบบอาหารจานเดียว จานด่วน และก๋วยเตี๋ยว ที่ใส่ปู กุ้ง หอยเชลล์ ปลาหมึก และกั้ง ที่สดจากทะเล และให้ในปริมาณเยอะ ที่ขึ้นชื่อก็คือก๋วยเตี๋ยวกั้งไข่ โดยใช้กั้งที่มีใข่ในท้อง นอกจากนี้ยังมีเมนูทะเลลวกจิ้ม ข้าวหน้าทะเล ที่มาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือที่ชาวจันท์เรียกแบบเดิมๆ ว่า "พริกเกลือ" ราคาก๋วยเตี๋ยวและข้าวหน้าทะเล ตกอยู่ที่ 70 - 100 บาท หากเป็นชามพิเศษ ราคา 200 บาท
เวลาเปิด
ทุกวัน 10.00 - 15.00 น.
ที่อยู่ ถนนสุขาภิบาล ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
ติดต่อ 039-314-738
ที่พักบริเวณชุมชนริมน้ำจันทบูร
- บ้านหลวงราชไมตรี
- โรงแรมท่ามาจัน
- โรงแรมเกษมศานติ์
- โรงแรมเมืองจันท์
จุดจอดรถ (ไม่เสียค่าจอด)
การเดินทางมายังชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นการเดินทางมาที่ถนนท่าหลวง ที่เริ่มจากบริเวณเชิงสะพานวัดจันทร์
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ตรงมาจากจังหวัดระยอง เมื่อมาถึงแยกเขาไร่ยา ให้เลี้ยวขวาเข้าเมืองจันทบุรี (หมายเลข 316) |
2 | พอเลี้ยวแล้ว ตรงตามเส้นทางมาเรื่อยๆ ประมาณ 6 กิโลเมตร พอเข้าเขตตัวเมืองจันท์ เมื่อถึงแยกไฟแดงแรก ตรงแขวงการทางจันทบุรี (สี่แยกพระยาตรัง) จึงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนท่าหลวง (ไปทางเดียวกันกับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง) |
3 | เมื่อเลี้ยวแล้ว จากนั้นตรงไปตามเส้นทางหลักไปเรื่อยๆ พอผ่านแยกสถานีตำรวจไป จะเจอชุมชนริมน้ำจันทบูร อยู่ถนนซอยทางขวามือ ก่อนข้ามสะพาน (เอารถยนต์เข้าไปไม่ได้) |
4 | หากมาถึงบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี ควรหาที่จอดรถ หรือจะข้ามสะพานข้ามไปจอดที่วัดจันทร์ แล้วเดินกลับมา (หรือจะจอดรถแถวโบสถ์คาทอลิกก็ได้) |